วันอาทิตย์ ที่ 21 มี.ค. เวลา 20.30 น., นัดสำคัญอีกนัดหนึ่งของฤดูกาลมาถึง...
ต่างเป้าหมายแต่ต้องการชัยชนะเหมือนกัน ฝั่งหนึ่งลุ้นแชมป์อีกฝั่งลุ้นที่ 4 แต่อะไรไม่น่าติดตามเท่ากับความต้องการของผองแฟนปีศาจแดงที่แพ้ลิเวอร์พูลมาสามนัดติดต่อกัน เกมนี้พวกเขาต้องการทั้งชนะและล้างตาให้ได้ในเกมเดียว
นับตั้งแต่ราฟาเอล เบนิเตซ คุมทีมลิเวอร์พูล 4 ปีแรกเขาชนะแมนฯยูฯ แค่เกมเดียวคือเอฟเอ คัพ เมื่อปี 2006 ขณะที่ในลีกนั้นดีสุดคือเสมอแค่เกมเดียว ยิงได้ลูกเดียว พึ่งจะมีสามนัดล่าสุดในสองปีที่ผ่านมา เด็กหงส์ชนะรวด แถมปีกลายยิงได้ถึง 4-1 ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นคือครั้งแรกในรอบ 80 ปี
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยสถานการณ์ใกล้งวดเข้ามาทุกที ทั้งเดิมพันที่สองทีมไม่ต้องการแพ้ในเกมนี้ ด้วยจะมีผลต่อเป้าหมายตัวเอง เกมนี้จึงเป็นเกมที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน
ส่วนสถิติเฉพาะ 10 ปีล่าสุด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
2008/2009
English Premier
Man Utd
1-4
Liverpool
14-03-2009
2007/2008
English Premier
Man Utd
3-0
Liverpool
23-03-2008
2006/2007
English Premier
Man Utd
2-0
Liverpool
22-10-2006
2005/2006
English Premier
Man Utd
1-0
Liverpool
22-01-2006
2004/2005
English Premier
Man Utd
2-1
Liverpool
20-09-2004
2003/2004
English Premier
Man Utd
0-1
Liverpool
24-04-2004
2002/2003
English Premier
Man Utd
4-0
Liverpool
05-04-2003
2001/2002
English Premier
Man Utd
0-1
Liverpool
22-01-2002
2000/2001
English Premier
Man Utd
0-1
Liverpool
17-12-2000
1999/2000
English Premier
Man Utd
1-1
Liverpool
04-03-2000
ปีศาจแดงพร้อม รูนีย์ ทอปฟอร์ม
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าชั่วโมงนี้ เวย์น รูนีย์ และนักเตะแมนฯยูไนเต็ด ทุกคนกำลังเข้าฝักเข้าฟอร์ม ทำคะแนนจี้จนเชลซีหนาวๆร้อนๆ กระทั่งแซงขึ้นจ่าฝูงก่อนวันเสาร์ที่ 20 มี.ค. ไม่เฉพาะพรีเมียร์ลีกเท่านั้นยังรวมถึง แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย
สัปดาห์นี้หากแมนฯยูฯ ชนะลิเวอร์พูล พวกเขาจะยืดช่องว่างห่างจากเชลซีไปเป็น 5 แต้ม โดยเชลซีแข่งช่วง 23.00 น. หลังทราบผลคู่แดงเดือดแล้วนั่นเอง
เกมนัดนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องการแก้ไขสามเกมหลังสุดที่แพ้ลิเวอร์พูล ปีนี้พลาดไม่ได้สำหรับความพ่ายแพ้ที่อาจมีผลต่อการลุ้นแชมป์ ซึ่งเชลซี ได้เปรียบเกมในมือ ดังนั้นการจัดตัวผู้เล่นของพวกเขาจึงต้องออกมาในแนวทางที่พร้อมชนหงส์แดงด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนักเตะอย่าง พาร์ค ชี ซอง, ดาร์เรน เฟลทเชอร์ และ ไมเคิล คาร์ริค อาจได้โอกาสลงสนามโดยมี พอล สโกลส์ เป็นตัวคุมเกมทั้งหมดใช้ประสบการณ์เล่นเกมนี้โดยเฉพาะ นั่นทำให้ นานี หรือแม้กระทั่ง วาเลนเซีย คนใดคนหนึ่งสำรอง โดย เวย์น รูนีย์ นำทีม ร่วมกับ เบอร์บาตอฟ ในแนวรุก
แทกติกของเซอร์ อเล็กซ์ จะออกมาแบบ 4-4-2
ราฟา ลังเลใจ อาควิหรือ ลูคัส
หลายคนสนับสนุนให้ราฟาเอล เบนิเตซ ใช้ 11 คนแรกชุดชนะ พอร์ตสมัธ ลงสนามซดแมนฯยูฯ แต่เกมทั้งสองแบบคนละเรื่องเดียวกัน คู่แข่งขันก็คนละสไตล์ อย่างไรก็ตามทั้งหมดขึ้นกับเกมนัดพบลีลล์ ในยูโรปา ลีก ซึ่งมีผลต่อการโรเตชั่น นักเตะมาใช้ในเกมนี้ด้วย
ถ้า ลูคัส ลงเตะกับลีลล์ นั่นเป็นโอกาสของ อาควิลานี ในนัดแดงเดือดแต่ถ้าไม่ ขาประจำแอนตี้ ลูคัส ก็ต้องทำใจล่วงหน้าว่าอาจมีลุ้นลงเตะกับผีแดง เพราะสามนัดหลังสุดเขาคือตัวหลักในการชนะแมนฯยูไนเต็ด ส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้นอย่าง เดิร์ค เคาต์ เองก็ต้องลุ้นด้วยหลังจากพักหลังขยันมากไปหน่อย จนทำให้เล่นพลาดไปหมด
ดูแล้ว....ราฟา น่าจะมีปัญหากับสองตำแหน่งนี้ ส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้นไม่มีเปลี่ยนกองหลังทั้ง แอกเกอร์, คาร์ราเกอร์, จอห์นสัน และ อินซัว ส่วนกองกลางนั้นอาจเป็น อาควิลานี กับ มาสเชราโน โดย เจอร์ราร์ด เล่นข้างหลัง ตอร์เรส ขณะที่ริมเส้น เบนายูนกับ มักซี โรดริเกซ
เกมรุกผีดีกว่า
เจ้าของดาวซัลโว 25 ลูกและ 32 รวมทุกรายการฮอตสุดในปีนี้ ทุกรูปแบบของการทำประตู พร้อมฟอร์มที่มั่นใจ ทำให้ รูนีย์ มีผลงานชัดเจนกว่า ตอร์เรส ซึ่งเจ็บซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันวิธีการเล่นเกมรุกของผีแดงยังเอื้อให้ รูนีย์ ซัลโวประตูได้ง่ายกว่า ตอร์เรส ที่โดดเดี่ยวมากเกินไป ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกไม่ดีเอาซะเลย ถ้ากองหลังผีแดงไม่เลินเล่อเหมือนที่ผ่านมา ลอคติด....มีโอกาสตัด ตอร์เรส ออกจากเกมได้
จุดนี้ต้องยอมรับ ณ วันนี้ ถ้าเทียบแนวรุกจากสองทีม และสองหัวหอก.... ฝั่งผีแดงชนะ
เชื่อว่า เซอร์ อเล็กซ์ ละเอียดพอที่จะสั่งลูกทีมเล่นแทกติกยั่ว เจอร์ราร์ด ให้หลุดสมาธิ คุมสติไม่อยู่ ไล่เตะคนแทน มีโอกาสใบแดงเช่นกัน
ตรงกลางถือว่า 50-50 ไม่มีใครเหนือกว่า แต่แฟนหงส์ต้องลุ้นไม่ให้ เจอร์ราร์ด ฟุ้งซ่านเกินไป อาจโดนใบแดงได้
อย่างไรก็ตามเทียบโดยภาพรวมกองหลังแมนฯยูฯ ดีกว่าเล็กน้อย ผู้รักษาประตูถือว่าเหนียวพอๆ กัน
แทกติก บู๊ทั้งคู่ เกมน่าเดือด
เชื่อว่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คงไม่ปล่อยให้ ราฟาเอล เบนิเตซ วางกลยุทธ์เหมือนที่ผ่านมาคือ เน้นเกมถึงลูกถึงคนเล่นเหมือนสุนัขจนตรอก กัดไม่ปล่อย ไล่บี้เน้นความดุดันเพื่อตัด เกมรุกผีแดงออกไป ไม่ให้ รูนีย์ ได้มีโอกาสเหมือนที่ผ่านมาซึ่งลิเวอร์พูลทำได้ดี ดังนั้น แมนฯยูฯ อาจปรับท่าทีหันมาเล่นทะเลาะด้วย
เกมอาจออกไปในแนวทางดุเดือด...วัดกันที่ว่าใครพลาดก่อน พลาดคือทำเกมไม่ได้ แย่งบอลไม่ได้ ตัดเกมไม่ได้แล้วอีกฝั่งหนึ่งได้โอกาส เชื่อว่าเกมรุกเร็วของผีถูกงัดมาใช้ หากแย่งบอลมาครองได้ โดยการเล่นแบบเดียวกับที่ลิเวอร์พูลวางแผนมา ซึ่งเชื่อว่า ราฟา จะเน้นเกมแบบเดิม บู๊ให้ถึงที่สุด
ดูแล้วออกได้ 2 หน้าคือ แพ้กับชนะ
ผลที่คาด แมนยู ชนะ ลิเวอร์พูล 1 - 0 เป็นอย่างต่ำ
ถ้าแพ้ก็ 0 - 2 เป็นอย่างน้อย